ปรัชญาการแพทย์
แนวคิดและปรัชญาการแพทย์ในปัจจุบันนี้มีที่มาจาก
2 แนวคิด
1.
การแพทย์ตามแนวคิดของนิวตัน (Newtonian Medicine)
2.
การแพทย์ตามแนวคิดของไอน์สไตน์ (Einsteinian Medicine)
1.
การแพทย์ตามแนวคิดของนิวตัน (Newtonian Medicine)
การแพทย์นี้เป็นการแพทย์ในปัจจุบัน
บุกเบิกโดยนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญคือ เซอร์ไอแซ็ก นิวตัน (ค.ศ. 1642 –
1727) เขาเป็นผู้เสนอหลักทฤษฎีสำคัญว่าด้วยมวลสารและแรงโน้มถ่วง
หลักคิดของเขามีว่า “สรรพสิ่งในโลกย่อมไม่สูญสลายไปไหน
จะแปรเปลี่ยนระหว่างกัน จากของแข็ง ของเหลว และก๊าซ” วิทยาศาสตร์ที่เขาวางรากฐานไว้เป็นวิทยาศาสตร์กายเนื้อล้วน
ซึ่งมีรากฐานบนวิชาฟิสิกส์ยุคคลาสสิก และพัฒนามาเป็นการแพทย์แผนปัจจุบัน
การแพทย์นี้จะเน้นเรื่องปฏิกิริยาระหว่างร่างกายกับมวลสาร
ซึ่งก็คือ ยา แม้จะเจาะลึกลงถึงระดับชีวโมเลกุล
ยากับปุ่มรับบนพื้นผิวเซลล์เภสัชจลนศาสตร์
กระทั่งสุดท้ายก้าวไปจนถึงวิศวพันธุกรรมก็ตาม ก็ล้วนไม่พ้นไปจากกายเนื้อ
แพทย์จึงมองการรักษาโรคโดยการใส่มวลสารเข้าไปออกคำสั่งกับชีวโมเลกุลของร่างกาย
คำนึงถึง Dose
ยาเป็นสำคัญ มีหลักคิดว่า ร่างกายมีมิติเพียง 3 ประการ คือ
หน้าที่การทำงาน โครงสร้าง และสารเคมีที่เกี่ยวข้อง
2.
การแพทย์ตามแนวคิดของไอน์สไตน์ (Einsteinian Medicine)
เป็นวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่เรียกว่า
ยุคควอนตัมฟิสิกส์ นักวิทยาศาสตร์ที่วางรากฐานไว้คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เขาเป็นผู้เสนอหลักคิดว่า “สรรพสิ่งในโลกหรือจักรวาลนี้เป็นการแปรเปลี่ยนสู่กันและกันระหว่างสสารและพลังงาน”
สสารอาจมีภาวะหนึ่งเป็นอนุภาค
แต่ในอีกสภาวะหนึ่งเป็นคลื่นสั่นสะเทือน
อนุภาคเป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งของคลื่นสั่นสะเทือนที่หนาแน่น
และพลังงานก็คือปรากฏการณ์หนึ่งของอนุภาคที่เบาบาง
ตัวเราประกอบด้วยเซลล์
เซลล์ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ฯลฯ
และสารชีวเคมีเหล่านี้ประกอบด้วยด้วยอะตอมของ โปรตอน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฯลฯ
และเล็กลงไปอีกคือ ควาร์กและเลปตอน ซึ่งเป็นสารก่อนอนุภาค (pre atomic
particle)
ควอนตัมฟิสิกส์ค้นพบว่า
สารก่อนอนุภาคเหล่านี้มีภาวะไม่แน่นอน คือเดี๋ยวเป็นอนุภาค
เดี๋ยวปรากฏตัวเป็นคลื่น อะตอมที่แท้จริงก็ประกอบขึ้นด้วยความว่างเปล่าจำนวนมาก
และอนุภาคที่กระจิดริดที่อยู่ในอะตอมที่จริงก็คือ
คลื่นที่สั่นสะเทือนน้อยจนอยู่ในรูปของสสาร
การแพทย์ตามแนวคิดของไอน์สไตน์นี้สามารถกลับไปอธิบายการแพทย์เชิงปรัชญาของการแพทย์ทางเลือกต่างๆได้
ตั้งแต่คลื่นออร่า พลังชี่กง การฝังเข็ม น้ำพระพุทธมนต์ ตลอดจนการแพทย์โฮมีโอพาธี
ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันน้อยคนนักที่สามารถหาคำอธิบายที่เหมาะสมและมีเหตุมีผลที่เพียงพอ
Quantum
Technology
1.
ธรรมชาติได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกในภาวะที่เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีช่วงคลื่นความถี่ต่ำพิเศษเท่านั้น
เพราะช่วงคลื่นนี้เองที่ทำให้เซลล์มีชีวิตเจริญเติบโตและพัฒนากระบวนการเมตาโบลิซึมได้อย่างปกติ
2.
ในปี ค.ศ. 1994 กิลเมน และรอดเบลล์ 2
นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลจากการค้นพบ และพิสูจน์ว่า เซลล์ร่างกายมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้
โดยใช้สัญญาณคลื่นความถี่พิเศษ 7.8 Hz
3.
นักบินอวกาศสหรัฐและรัสเซียเกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว
มึนศีรษะ เมื่อทำงานอยู่ในอวกาศนานๆ จนในที่สุด
องค์การนาซ่าจึงต้องสร้างสนามแม่เหล็กเทียมขึ้นในสถานีอวกาศโดยให้สนามแม่เหล็กมีค่าความถี่
7.8 Hz/รอบ/วินาที ซึ่งเท่ากับสนามแม่เหล็กโลก โรคอวกาศจึงหายไป
4.
รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMR) ที่แผ่กระจาย
อยู่รอบๆตัวเช่นจากสถานีไฟฟ้าแรงสูง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ทำให้เซลล์ร่างกายได้รับการสั่นสะเทือนในจังหวะที่แตกต่างจากธรรมชาติ
เกิดความเสียหายต่อระบบภูมิคุ้มกันและ DNA ในเซลล์
5.
น้ำพุจากเทือกเขาคอเคซัสและในเทือกเขาหรรษาในปากีสถานมีน้ำพุภูเขาจากธรรมชาติที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทำให้ดูอ่อนกว่าวัย
มีอายุยืน รวมทั้งช่วยให้กำจัดโลหะหนัก สารพิษ จากการนำน้ำไปทดสอบแบบ Nuclear Magnetic Resonance และเครื่อง
Spectoscope Infrared พบว่าโครงสร้างของน้ำเปี่ยมด้วยพลัง เป็นน้ำในระบบนาโนเทคโนโลยีและระบบ Quantum
Phisics
6.
ความสำคัญของน้ำในร่างกาย
ร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 75% ประกอบด้วยเลือดประมาณ
5 ลิตร น้ำย่อยในระบบย่อยอาหาร 5 ลิตร ที่เหลือเป็นระบบน้ำเหลือง
น้ำเหลืองประกอบด้วยท่อที่สานเป็นตาข่ายไปทั่วร่างกาย
ของเสียจากเซลล์จะถูกส่งให้น้ำเหลืองรอบเซลล์
และจะถูกรวบรวมเข้าสู่ท่อน้ำเหลืองและสู่ต่อมน้ำเหลือง เช่นที่ต้นขา ขาหนีบ รักแร้
เป็นต้น
ตาข่ายของท่อน้ำเหลืองเล็กๆที่สานไปทั่วร่างกายก็เหมือนกับเส้นเลือด
แต่มันมีขนาดเล็กกว่ามาก และต่างกันที่เลือดไหลเวียนเพราะแรงบีบของหัวใจ แต่ระบบน้ำเหลืองทำงานส่งผ่านอาหาร
ออกซิเจน และของเสียขึ้นต่อแรงโน้มถ่วงของโลกทั้งหมด
หากเราต้องการให้ระบบน้ำเหลืองทำงานได้ดี
เราจะต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเต็มที่อยู่เสมอ เช่นการออกกำลังกาย
หรือการกระตุ้นด้วยเทคนิคพิเศษ เป็นต้น
IMMUNIZER (Blood purifier)
คือเครื่องกำเนิดคลื่นความถี่ต่ำที่ไม่ใช่ความถี่วิทยุ
(RF)
จึงไม่มีผลกระทบและไม่มีอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อมกับร่างกาย
คลื่นความถี่ต่ำนี้เป็นคลื่นความถี่ชนิดเดียวกันกับที่มีอยู่ตามธรรมชาติใน
ร่างกายมนุษย์
ในอวัยวะต่างๆของร่างกายนั้นมีความถี่ของคลื่นไม่เท่ากันเช่นในสมองมีความ
ถี่ 0.3 -
30 Hz และอวัยวะที่มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำจะมีความถี่
7.8 – 9 Hz
เครื่อง Immunizer นี้จะกำเนิดและส่งคลื่นความถี่ต่ำเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลา 30 นาที
จะกระทำปฏิกิริยาโดยตรงกับของเหลวในร่างกายที่มีอยู่ประมาณ 70% ของร่างกาย จะทำให้ของเหลวในร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามธรรมชาติ
ทำให้เซลล์ของร่างกายสามารถแยกแยะได้ว่าส่วนไหนเป็นมิตรหรือศัตรูที่ควรกำจัด
เช่นสามารถให้ร่างกายรู้จักและทำลายอนุมูลอิสระ หรือขับสารพิษได้ เป็นต้น
ประโยชน์ของ Immunizer
o
ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
o
ฟอกเลือดแนวใหม่ ปรับระบบการทำงานของไต
o
คลายระบบเส้นและกล้ามเนื้อ
o
Detoxification ล้างพิษตกค้างในร่างกาย
o
ทำให้หน้าใส ประกายตาแวววาว ใบหน้าอ่อนกว่าวัย
o
Refresh
ร่างกายให้สดชื่น
o
ช่วยให้หลับง่าย
o
เป็นประโยชน์สำหรับหญิงหลังคลอด
o
ใช้สำหรับกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
เสริมสวยและการสปา
o
ใช้สำหรับรักษาโรคต่างๆดังนี้
- โรคไต
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เบาหวาน
- มะเร็ง
- สะเก็ดเงิน
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง – HIV